วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เอาที่สบายใจเเล้วกัน ภาษาอังกฤษ



"เอาที่สบายใจเเล้วกัน" หลายคนคงเคยได้ยินคำๆ นี้ ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป้นคำพูดยอดฮิตในโลกโซเชียลเลยก็ว่าได้ เเต่เอ๊ะ เเล้วถ้าเราอยากจะพูดคำว่า"เอาที่สบายใจเเล้วกัน" ภาษาอังกฤษเราจะพูดอย่างไรดี
มาดูกันเลยค่ะ

Whatever floats your boat. คุณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ

Whatever you want. ทำตามที่คุณต้องการเถอะ

Whatever you like. ทำอย่างที่คุณชอบเถอะ

Whatever you think is best. อะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าดีสำหรับคุณ

Whatever suits you best.

Whatever pleases you. ทำอะไรก็ได้ที่คุณพอใจ

Whatever you feel like doing. ทำตามที่คุณอยากจะทำเถอะ

It's up to you. ก็เเล้วเเต่ขึ้น, ตามใจคุณ

Do as you please. ทำตามที่คุณพอใจ

Do as you will. I won't get in your way. ทำตามที่คุณอยากจะทำ ฉันจะไม่ขัดขวางคุณ

Suit yourself. ระวังนะคะ คำๆ นี้จะมีความหมายในเเง่ลบ เช่น ถ้าคุณเสนออะไรบางอย่างไป เเล้วไม่ได้รับการยอมรับ หรือปฏิเสธ คุณก็อาจพูดคำว่า Suit yourself. (แปลว่า เอาเถอะ, ช่างมันเถอะ)




วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีการใช้ TO



หลายๆ คนอาจจะเคยสับสนหรือคงจะสงสัยนะคะว่า เวลาที่เราจะพูดภาษาอังกฤษสักประโยคหนึ่ง เราจะใช้ TO ในประโยคไหนได้บ้าง เรามาติดตามอ่านบทความด้านล่างนี้กันเลยค่ะ

1. การใช้ To ในคำบุพบท


TO จะใช้ในความหมายที่เเปลว่า "ไปถึง" ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่ง เช่น

I walked to my home. ฉันเดินไปถึงบ้าน
I walked to my office ฉันเดินไปถึงออฟฟิศ


To ใช้ในการบอกทาง เช่น ทางซ้าย ทางขวา เป็นต้น

I walked to the left. ฉันเดินไปทางซ้าย
I walked to the right. ฉันเดินไปทางขวา


To ใช้ในความหมายที่เเปลว่า "ถึง" เช่น

My hair goes down to my waist หรือ
My hair come down to my waist. ผมของฉันยาวมาจนถึงเอว


To ใช้กับช่วงของเวลา หรือตัวเลข เช่น

I think that girl is probably twenty-five to thirty. ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอายุประมาณ 25 ถึง 30 ปี


To ใช้ในความหมายที่เเปลว่า "ให้เเก่, ให้กับ" เช่น

I'm gonna give this to you. ฉันมอบสิ่งนี้ให้เเก่คุณ
I want to give this to you. ฉันมอบสิ่งนี้ให้เเก่คุณ


To ใช้ในความหมายที่เเปลว่า "ติด, เเนบ (สนิท)" อยู่กับอะไร
สักอย่าง มีความหมายเหมือนกันกับคำว่า Attached to เช่น

I'm stuck to my chair. ฉันติดอยู่กับเก้าอี้
My hand is stuck to my leg. มือของฉันติดอยู่กับขาของฉัน


To ใช้ในความหมายที่เเปลว่า "ต่อ, สำหรับ" เช่น
It's important to me. มันสำคัญต่อ/สำหรับฉันมาก
It's a threat to me. มันคุกคามต่อฉัน


2. การใช้ To ที่เป็น Infinitive
Infinitive คือ กริยาช่อง 1 มี To นำหน้า เช่น To do, To be, To have, To walk, To go etc.

หากใช้ To นำหน้าคำนาม คำๆ นั้นจะไม่ใช่ Infinitive เเต่จะกลายเป็น วลี เเทน เช่น To school, To Bangkok, To my town etc.

To ใช้วางระหว่างกริยา เช่น

I managed to do what I want to do. ฉันสามารถทำในสิ่งที่ฉันต้องการได้
managed to do จะมีคำว่า managed กับ do เป็นกริยา
want to do จะมีคำว่า want กับ do เป็นกริยา

TO ใช้วางตามหลังคำคุณศัพท์ (adjective) เช่น

I'm sorry to hear that. ฉันเสียใจที่ได้ยินอย่างนั้น
sorry เป็น คำคุณศัพท์ (adjective)

TO วางหน้า Infinitive ที่มาตามหลัง verb to be (is, am, are, was, were) และ Verb to have ในกรณีที่เป็นการเเสดวคำสั่ง, ร้องขอให้ทำ หรือเป็นภาระกิจที่พึงกระทำ เช่น

He is to go back now. เขาควรจะกลับมาเดี๋ยวนี้
I'm to start my work once. ผมจะเริ่มงานของผมทันที

TO วางหน้ากริยา เพื่อทำหน้าที่เป็นประธานของกริยาในประโยค เช่น

To swim is a good exercise. การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดี
To act like that is childish. การกระทำเช่นนั้นเหมือนกับเด็ก
To tell you the truth. บอกคุณตามความจริง

การใช้ To ในรูป Infinitive มีหลักการค่อนข้างที่จะเยอะมาก ลองไปศึกษา ค้นคว้ารายละเอียดเพิ่มเติมดูนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การใช้ Verb to be

การใช้ Verb to be 
is, am, are, was, were

1. ถ้าเป็นกริยาหลักในประโยค จะมีความหมายว่า "เป็น, อยู่, คือ"
เช่น He is a doctor, She is a teacher

2. ใช้กับคำนามเเละคำสรรพนาม เช่น 
Jack and Jill are cousins 
Jack and Jill  ทำหน้าที่เป็นคำนาม

3. ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อบอกคุณลักษณะของคำนาม 
เช่น People in the hall are friendly. 
 friendly. เป็นคำคุณศัพท์

4. ใช้นำหน้า Prepositions (คำบุพบท) เพื่อบ่งออกตำแหน่ง
เช่น The red bag is on the floor. 
on เป็นคำบุพบท

5. ใช้เป็นกิริยาช่วยในประโยค Continuous Tense จะมีความหมายว่า "กำลัง" เเล้วตามด้วย V-ing 
เช่น They are ridding their bicycles.

6. จะใช้กับประโยค Passive voice คือการนำกรรม (สิ่งที่ถูกกระทำ) ขึ้นมาเป็นประธานของประโยค จะมีความหมายว่า "ถูก...."
เช่น Thai language is spoken in Thailand.

ประโยคที่ประธานเป็นเอกพจน์ ใช้ Is 
# ประโยคบอกเล่า Sub + is
เช่น He is a doctor, She is going to the Canada.

# ประโยคปฏิเสธ Sub + is not 
เช่น He is not a doctor, She is not going to the Canada.

# ประโยคคำถาม ให้นำ Is มาวางด้านหน้าประธาน เเละใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค (?)
เช่น Is he a doctor?, Is she going to the Canada.?

ประโยคที่ประธานเป็นพหูพจน์ ใช้ Are 
# ประโยคบอกเล่า Sub + are
เช่น You, We, They
You are a doctor, We are a teacher, They are student

# ประโยคปฏิเสธ Sub + are not 
เช่น You are not a doctor, We are not a teacher, 
They are not student

# ประโยคคำถาม ให้นำ Are มาวางด้านหน้าประธาน เเละใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค (?)
เช่น Are you a doctor?, Are wa teacher?, Are they student?

ประโยคเป็น I ใช้ Am
# ประโยคบอกเล่า I am a teacher.
# ประโยคปฏิเสธ I am not a doctor.
# ประโยคคำถาม  Am I a doctor.

Verb to be ในรูป อดีต
Is/Am  เปลี่ยนเป็น Was
Are   เปลี่ยนเป็น    Were
วิธีการใช้ ใช้เหมือนกันกับ is, am, are เเต่เปลี่ยนเป็นรูปของอดีต

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การขึ้นต้นประโยคในภาษาอังกฤษที่ทำให้คุณดูฉลาด

วามฉลาดในการเลือกใช้คำ เหมือนกับภาษาไทยที่เวลาเราพูด หรือเขียนเรียงความก็ตาม การใช้คำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจะทำให้เรื่องที่คุณกำลังสื่อสารนั้นฟังดูไม่สละสลวยเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน ในความหมายเดิมที่เราต้องการจะสื่อนั้นหากมีการเล่นกับคำศัพท์หรือหลีกเลี่ยงใช้คำอื่นที่ยังคงความหมายเดิม จะทำให้การพูดหรือเรื่องที่คุณสื่อสารน่าฟังและน่าสนใจมากขึ้น

แสดงความคิดเห็นส่วนตัว
- I think ...
- It seems to me ...
- (Personally,) I believe ...
- From my point of view ...
- (Personally,) I feel ...
- In my view / opinion ...
- To my way of thinking, ...

เท่าที่เห็น, เท่าที่รู้
- As I see it, ...
- For all I know, ...
- As far as I can see, ...
- To my knowledge, ...
- To the best of our knowledge, ...
- So far as we know, ...

อันที่จริง, ความจริงคือ
- Actually, ...
- The thing is ...
- The fact is ...
- As a matter of fact, ...
ประเด็นของเรื่อง
- What matters here is ...
- It is vital to note that ...
- It's important to keep in mind that ...
- It's important to remember that ....
- An important point is that ...

ผลปรากฏว่า
- It turned out that ...
- It appeared that ...

ผลลัพธ์ที่ไม่น่าแปลกใจ(อาจจะคาดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนั้น)
- It is no great surprise that ...
- It is not surprising that ...
- It comes as no surprise that ...
- Small wonder that ...

การคาดเดา
- I guess ...
- At my best guess, ...
- We can assume that ...

นอกจากนั้น
- Moreover ...
- What's more, ...
- Furthermore, ...
- Besides, ...
- To add to it, ...
- In addition, ...

พูดสั้นๆได้ว่า
- In a word, ...
- In a nutshell, ...
- In short, ...
- To make a long story short, ...
- To put it in a nutshell ...
- To crown it all ...

ข้อสรุปคือ
- Summing it up, ...
- So, to sum it up, ...
- In conclusion, ...

ที่มา hthttp://campus.sanook.com/1379779/

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Die, Died, Dead, Death กับ Pass Away ใช้ต่างกันอย่างไร

วันนี้สุกานดาจะขอนำเสนอความเเตกต่างของการใช้คำต่อไปนี้ค่ะ
Die, Died, Dead, Death กับ Pass Away เคยสงสัยกันไหมคะว่าคำเหล่านี้ใช้ต่างกันอย่างไร เเละเราควรเลือกใช้คำไหนเพื่อสื่อสารความหมายของเราให้ถูกต้องชัดเจน ตามมาดูกันเลยค่ะ

Dead เป็น Adj (คำคุณศัพท์) จะใช้ควบคู่กับ Verb to be
เช่น He is dead, she is dead. ซึ่งเเปลว่า เขาตายเเล้ว หรือ เธอตายเเล้ว

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เป็นคำอุทานได้ เช่น Oh, I'm dead!
โอ้ ฉันตายเเน่!

Die เป็น Verb (คำกิริยา) เเปลว่าตาย เช่น
I don't wanna die ฉันยังไม่พร้อมที่จะตาย
หรือจะใช้เป็น Verb ช่อง 2 ก็ได้ เช่น He already died. เขาตายเเล้ว

Death เป็น Noun (คำนาม) เเปลว่า ความตาย เช่น
His death was tragic ความตายของเขาช่าวงน่าเศร้า
(Tragic = น่าเศร้า/เศร้าโศก)

To pass away = เเปลว่า เสียชีวิต สามารถใช้เเทนคำว่า Die, Died, Dead, Death ได้ ซึ่งจะฟังดูเพราะกว่านั่นเองค่ะ

เช่น I'm sorry to hear that your grandfather passed away.
ฉันเสียใจด้วยกับที่คุณปู่ของเธอเสียชีวิต

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=MBd1tj5RuXM


วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วลีภาษาอังกฤษที่ใช้กันบ่อยๆ

การที่เราจะเเปลความหมายในภาษาอังกฤษนั้น สิ่งที่สำคัญเราต้องดูบริบทของสิ่งรอบข้างที่เราพูดถึงก่อน จึงจะสามารถเเปลความหมายออกมาได้อย่างชัดเจน เเละสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเเละไม่มีผิดเพี้ยน เอาล่ะค่ะ วันนี้  จะขอนำเสนอเกี่ยวกับ "วลีภาษาอังกฤษที่ใช้กันบ่อยๆ" ตามมาดูกันเลยค่ะ

To bring up = To mention = เอ่ยถึง, พูดถึง
example
Please don't bring that up again. It stresses me out
กรุณาอย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีก มันทำให้ฉันเครียด

Call off mean to cancel = ยกเลิก
example 
I need to call of this afternoon's meeting, because I'a feeling under the weather. ผมขอยกเลิกประชุมตอนบ่ายนี้ เพราะรู้สึกเหมือนจะป่วย

Make up = กุเรื่องขึ้นมา
example 
You don't have to make up stories. I know what really happened!. ไม่ต้องกุเรื่องขึ้นมา เพราะฉันรู้เเล้วว่า จริงๆ เเล้วมันเกิดอะไรขึ้น

Drop by = เเวะ
example 
I'll drop by your place on may home from work.
ฉันจะเเวะไปหาคุณที่บ้านหลังจากเลิกงาน

Figure out = ปะติดปะต่อ, ทำความเข้าใจ
example 
I finally figure out how to solve this problem!. 
ในที่สุดก็สามารถประติดประต่อวิธีการเเก้ไขปัญหานี้ได้

Get Over = ฟื้นจากความป่วย, ทำใจกับเรื่องผิดหวัง
example 
I got over the flu, but I still can't get over my ex!
ฉันสามารถฟื้นไข้ได้เเล้ว เเต่ว่ายังไม่สามารถทำใจกับเรื่องเเฟนเก่าได้

Run into = เจอโดยบังเอิญ
example :
I ran into my ex at The Mall yesterday. She had a new boyfriend! เมื่อวานผมได้เจอเเฟนเก่าโดยบังเอิญที่ห้างสรรพสินค้า
เธอมากับเเฟนใหม่

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=ghNqEnCj3uM


วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การใช้ อะพอสทรอฟี ( ' ) เเสดงความเป็นเจ้าของ

อะพอสทรอฟี ( ' ) 'S เป็นเครื่องหมายวรรคตอนสากลอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นขีดตั้งเล็ก ๆ เขียนอยู่เหนือและถัดจากอักษร หรือปรากฏคล้ายอัญประกาศเดี่ยวใช้มากในภาษาที่ใช้อักษรละติน แต่ไม่มีใช้ในภาษาไทย


หลักการใช้ อะพอสทรอฟี ( ' ) 'S  เพื่อเเสดงความเป็นเจ้าของ เเบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ

1. ใช้ อะพอสทรอฟี ( ' ) 'S เเสดงความเป็นเจ้าของ สำหรับสิ่งมีชีวิต
(คน หรือสัตว์)
2. ใช้ อะพอสทรอฟี ( ' ) 'S เเสดงความเป็นเจ้าของ สำหรับสิ่งไม่มีชีวิต

กฎการใช้ อะพอสทรอฟี ( ' ) 'S เเสดงความเป็นเจ้าของ สำหรับสิ่งมีชีวิต
1. ประธานของประโยค คือ คำนามที่อยู่หลัง   'S  เช่น
Tom's hair   แปลว่า ผมของ Tom  ผม คือ ประธานของประโยค
The teacher's bag แปลว่า กระเป๋าของคุณครู  กระเป๋า คือ ประธานของประโยค
Children's books แปลว่า หนังสือสำหรับเด็ก คือ หนังสือ คือประธานของประโยค

2. คำนานหน้าที่ลงท้ายด้วย S ให้ใส่ ' หลังคำนาม เเละตัด S ออก เช่น
Horses' tail แปลว่า หางของม้า หาง คือ ประธานของประธานของประโยค
Hens' eggs แปลว่า ไข่ของไก่ ไข่ คือ ประธานของประโยค

กฎการใช้ อะพอสทรอฟี ( ' ) 'S เเสดงความเป็นเจ้าของ สำหรับสิ่งไม่มีชีวิต
1. คำนามที่ตามหลัง ( ' ) 'S มักจะไม่มี Articel (a, an) นำหน้า 
2. ใช้ Of เพื่อเเสดงความเป็นเจ้าของ ดังนั้น คำว่าอยู่หน้า Of คือ ประธานของประโยค
โดยสังเกตว่า เมื่อใช้ "Of" เเล้ว การเรียงลำดับคำเหมือนใภาษาไทย เเละคำนามทั้งหน้าเเละหลัง "Of" มักใช้ "The" นำหน้า
The bank of the rever       ฝั่งของเเม่น้ำ
The brenches of the tree     กิ่งของต้นไม้
The dept of the river    ความลึกของเเม่น้ำ

ประโยคภาษาอังกฤษเเนวๆ สำหรับจีบสาว

ถ้าสมมุติว่า เราอยากจะจีบใครสักคน เเต่ก็ไม่รู้ว่าเราจะเริ่มต้นพูดกับเขายังไงเพื่อให้เขาประทับใจ ในตัวเรา สำหรับบางคนอาจขี้อายไม่กล้าจะเริ่มพูด เเละคิดไม่ออกว่าควรใช้คำไหนดี เอาล่ะค่ะ วันนี้สุกานดาจะมาเเนะนำประโยคภาษาอังกฤษน่ารักๆ ไว้สำหรับให้คุณผู้ชายนำไปใช้ในการจีบสาวๆ กันนะคะ (ไม่เน้นเฉพาะหนุ่มๆ นะคะ สาวๆ ก็นำไปใช้ได้เหมือนกันค่ะ สมัยนี้ผู้ชายเหลือน้อย ถ้าอยากได้เราต้องเริ่มบุกก่อนค่ะ อิอิ)

Can I get your picture to prove to my friends. That angles really do exist?
ขอพี่ถ่ายรูปหน่อยได้ไหมจ๊ะ จะได้เอาไปให้เพื่อนดูว่านางฟ้ามีอยู่จริง

Are you tired? Because you've been running through my head all day.
เหนื่อยไหมจ๊ะ ก็เล่นมาวิ่งอยู่ในหัวใจพี่ทั้งวันเลย

Do you have a band-aid? I hurt my knee I when fell for you.
มีพลาสเตอร์เเปะเเผลไหมจ๊ะ พอดีว่าพี่ได้เเผลมาจากการตกหลุมรักที่น้องขุดเอาไว้

Do  you have a map?I just keep getting lost in your eyes.
มีเเผนที่ไหมจ๊ะ เพราะว่าความสวยของน้องทำให้พี่หลงทางอยู่ในหัวใจ จนหาทางออกไม่เจอ

Remember me? Oh, that right. I've only met you in my dreams.
ขอโทษคลับ จำผมได้หรือเปล่า ก็เมื่อคืนเราเจอกันในฝันไงครับ

Do I know you? Cause you look a lot like me next girlfriend.
นี่ผมรู้จักคุณมาก่อนหรือเปล่าครับเนี่ย อ๋อ สงสัยว่าคุณคงจะเป็นเเฟนคนต่อไปของผมเเน่ๆ






วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เเจกคำย่อสำหรับเเชทกับชาวต่างชาติจ้า

วันนี้ขอนำเสนอตัวอักษรย่อไว้สำหรับเเชทกับฝรั่งค่ะ

ASAP As Soon As Possible : เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

BBFN Bye For Now: ไปก่อนนะ

BBL Be Back Later: เดี๋ยวกลับมา (ทิ้งเวลาสักพัก)

BRB Be Right Back: เดี๋ยวกลับมาแป๊ปเดียว

BTW By The Way: ว่าแต่ว่า(ใช้เมื่อต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง คุย)

F2F Face To Face: ตัวต่อตัว

GFY Good For You: ดีกับคุณ

GL Good Luck: โชคดีนะ

GTGB Got to Go Bye: ต้องไปแล้วล่ะ บาย

IDK I Don't Know: ฉันไม่รู้

IMO In My Opinion: ในความคิดเห็นของฉันนะ ...

IOW In Other Words: หรือเรียกอีกอย่างว่า ...

KIT Keep In Touch: ติดต่อกันไว้นะ

LOL Laughing Out Loud: หัวเราะเสียงดัง

LTL Lets Talk Later: ไว้คุยทีหลังนะ

MAYB Maybe: อาจจะ

NP No Problem: ไม่มีปัญหา

NYO Need Your Opinion: ต้องการความเห็นของคุณ

PLS Please: ได้โปรดเถอะ

TIA Thanks In Advance: ขอบคุณล่วงหน้า

TMI Too Much Info: คุณให้ข้อมูลฉันมากเกินไปแล้ว

TTYL Talk To You Later: ไว้คุยกันทีหลังนะ

TX Thanks: ขอบคุณมาก

UKW You Know Who: คุณก็รู้ว่าใคร

U You: คุณ

U2 You Too: คุณก็เหมือนกันนะ

UW You Wish: คุณหวังว่า

WB Welcome Back: ยินดีต้อนรับการกลับมา

ATM At the moment : ในตอนนี้

BC Because เพราะว่า

BFF Best friends, forever เป็นเพื่อนกันตลอดไป

BFN Bye for now ไปแล้วนะ

Bf boy friend แฟน

BG Big grin ยิ้มอยู่

BISLY But I still love you แต่ฉันยังรักคุณ

IRL In real lift ในชีวิตจริง

NVM Never Mind ไม่เป็นไร

OIC Oh I see เข้าใจล่ะ

JTLYK Just to let you know แค่บอกให้รู้ไว้

KIS keep it sample เอาง่ายๆ

KIT keep in touch ติดต่อกันอีกนะ

PLZ Please ได้โปรด

OMG Oh my god โอ! พระเจ้า

PCM Please call me โทรมาหาที

GTG go to go ต้องไปแล้วล่ะ

SYS See you soon แล้วพบกันใหม่

TC Take care ดูแลตัวเองด้วยล่ะ

TIA Thanks in advance ขอบคุณล่วงหน้า

Thx, tx Thanks ขอบคุณ

BRB be right back เดี๋ยวกลับมา

BOTOH But on the other hand แต่ในทางกลับกัน

BTW But the way อย่างไรก็ตาม

IMO In my opinion ในความคิดของฉัน…/ฉันว่า....

WB Welcome back ยินดีต้อนรับกลับมา

WAY What about you แล้วคุณล่ะ

XXX Kisses จุ๊บๆ

XOXO Kisses and hugs สวมกอดและจุ๊บ

ว่าแล้วเชียว จะพูดเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง


วันนี้ขอนำเสนอประโยคภาษาอังกฤษง่ายในชีวิตประจำวันที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ อย่าลืมเอาไปประยุกต์ใช้กันนะคะ

It figures ว่าแล้วเชียว

That's no surprise ไม่น่าเเปลกใจอะไรนี่

There's no surprise there. ไม่น่าเเปลกใจอะไรนี่

I had a feeling that. ฉันรู้สึกมาก่อนหน้านี้เเล้ว

That's too bad เสียดายจัง

Unfortunately น่าเสียดายที่.....

What a sissy! ป๊อด

Might as well ไหนๆ ก็ไหนๆ

Don't play hard to get. อย่ามาทำเป็นเล่นตัวนะ

Don't play with my feelings อย่ามาเล่นกับความรู้สึกของฉัน

Don't toy with my feelings อย่ามาเล่นกับความรู้สึกของฉัน

To turn a deaf ear to.หูทวนลม

It went in one ear and out the other เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

I'm all ears. ฉันเต็มใจที่จะรับฟัง

goofy ติงต๊อง You are so goofy.

dork ติงต๊อง You are so dorky.

wacky บ๊อง You are so wacky.

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Stuff ใช้อย่างไร

เราคงเคยได้ยินคำว่า Stuff ในละครมาหลายเรื่อง เเละอาจเเยกไม่ออกว่า stuff แปลว่าอะไร เเละใช้ยังไง

ความหมายของ Stuff ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ มีหลายความหมายค่ะ เช่น หมายความว่า "ข้าวของ, สิ่งของ"

ตัวอย่างประโยค เช่น

This is my stuff : นี่คือข้าวของของฉันหรือของของฉัน

Will you please watch my stuff while I go to that bathroom : ช่วยเฝ้าข้าวของให้ฉันขณะที่ไปห้องน้ำได้ไหม

ถ้าอยู่ในรูปของกริยา (Verb) หมายถึง "อัดเข้าไป" ประโยคตัวอย่าง เช่น

I like to collect stuffed animal.

หรือจะเป็นคำนี้ที่ชอบใช้บ่าย บางคนอาจเคยได้ยินมาเเล้ว
" Stuff link that" หมายถึง อะไรพวกนี้ อะไรทำนองนั้น ประโยคตัวอย่าง เช่น

A : What do you like do in your free time?
คุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง?

B : Hmm, Let's see here. I like to sit at home, watch TV,Watch movies, You know stuff like that.
อืม, ฉันชอบนั่งอยู่ที่บ้าน ดูทีวี ดูหนัง อะไรพวกนี้

ข้อควรระวังในการใช้ stuff like that.

ไม่ควรใช้คำว่า "stuff like that." บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ฟังดูน่ารำคาญ

หรืออาจจะใช้ในอีกความหมายหนึ่งว่า อิ่มมากๆ ก็ได้ค่ะ
เช่น I am so stuffed ฉันอิ่มมากๆ